โรคและแมลงคัตรูกุหลาบ

โรคและแมลงศัตรูกุหลาบ
1. โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะอาการเปนจุดดํากลมบนใบ สวนใหญจะเปนกับใบแกจะทําให
ใบเหลืองและรวงในเวลาตอมา บางครั้งถาเปนมากอาจ ลุกลามมาที่กิ่งดวย ระบาดมากในฤดูฝน ควรปองกัน
โดยฉีดพนดวยสารเคมีเชน ดูปราวิท ไดเทนเอ็ม-45 แคปแทน เบนเสทและเบนโนมิล
2. โรคราแปง เกิดจากเชื้อรา โรคนี้จะเปนกับยอดออนและ ดอกออน มีลักษณะเปนปุยขาวคลาย
แปงทําใหสวนของพืชที่เปนโรคนี้เกิดอาการหงิกงอไมเจริญเติบโตตอไป ระบาดมากในฤดูหนาว ควรปองกัน
โดยฉีดพนดวยสารเคมีเชน เบนเสท ดาโคนิล และคาราแทน
3. โรคหนามดํา เกิดจากเชื้อราโดยเชื้อรานี้จะเขาทําลายแผล ที่เกิดจากรอยตัดหรือเด็ดหนามของ
กิ่งออนแลวลุกลามไปเรื่อยๆ ตามกิ่งกาน ทําใหกิ่งกานเหี่ยวแหงตายไปในที่สุด ควรปองกันโดยทาแผลจาก
รอยตัดดวยปูนแดง
4. โรคใบจุดสีนํ้าตาลหรือโรคตากบ เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะอาการเปนจุดกลมสีนํ้าตาลขนาด
1/4 นิ้ว แลวจะเปลี่ยนเปนวงกลมสีเทามีขอบสีมวง-แดง ระบาดมากในฤดูฝน ควรปองกันโดยใชสารเคมีเบน
เสทไดเทนหรือแบนแซดดี
5. โรคไวรัส เกิดจากเชื้อไวรัส ลักษณะอาการจะปรากฎใหเห็นที่ใบ โดยใบจะดางเหลือ เมื่อพบวา
ตนกุหลาบเปนโรคนี้ใหถอนและเผาทําลายเสีย
หนอนและแมลงชนิดตางๆ
1. หนอนเจาะดอก เปนหนอนผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กซึ่งจะวางไขอยูที่กลีบดอกดานนอก เมื่อไขฟก
ออกเปนตัวจะกัดกินดอกและอาศัยอยูในดอก ระบาดมากชวงที่กุหลาบใหดอกดก หรือในชวงฤดูหนาว ควร
ปองกันโดยใชสารเคมีประเภทดูดซึม เชน ดิลดริน ฟอสดริน
2. หนอนกินใบ เปนหนอนของผีเสื้อกลางคืน มักวางไขอยูใตใบ เมื่อไขฟกเปนตัวหนอนก็จะทําลาย
ใบที่อาศัย บางชนิดทําลายเฉพาะผิวเนื้อใตใบทําใหใบมีลักษณะโปรงใสมองเห็นไดชัดเจน สารเคมีที่ใชไดผลดี
เชน เอนดริน
3. หนอนเจาะตน เปนหนอนของผึ้งบางชนิดและหนอนของแมลงวันบางชนิด อาจจะเปนหนอนของ
พวกตอแตนดวย หนอนชนิดนี้จะเจาะกินไสกลาง และบริเวณทอนํ้าของกิ่งหรือตน ทําใหกิ่งและตนแหงตาย
ควรปองกันกําจัด โดยการตรวจดูบริเวณรอยตอระหวางกิ่งแหงและกิ่งดี หากพบตัวหนอนก็ทําลายเสีย หรือ
ปองกันโดยการตัดแตงกิ่งตามกําหนด
4. แมลงปกแข็ง บางทีเรียกดวงปกแข็ง มีทั้งชนิดตัวสีดําและสีนํ้าตาล ขนาดประมาณ 1.5-2
เซนติเมตร ออกหากินในเวลากลางคืนระหวาง 1-3 ทุม โดยการกัดกินใบกุหลาบ สวนในเวลากลางวันจะ
ซอนตัวอยูตามกอหญา ปองกัน โดยใชสารเคมีเชน คลอเดน หรือ เซพวิน
5. ผึ้งกัดใบ จะกัดกินใบกุหลาบในชวงเวลากลางวัน สังเกตไดที่รอยแผลมักจะเปนรอยเหมือนถูก
เฉือนดวยมีดคมๆ เปนรูปโคงปองกันไดเชนเดียวกับแมลงปกแข็ง
6. เพลี้ยไฟ เปนแมลงปากดูด มีสีนํ้าตาลดํา ตัวออนสีขาวนวลจะดูดกินนํ้าเลี้ยงจากใบและดอก
ทําใหดอกที่ถูกทําลายไมบาน ระบาดมากในฤดูรอน ปองกันโดยการฉีดพนดวยสารเคมีเชน โตกุไทออน10
คลอเดนหรือนิโคตินซัลเฟต
7. เพลี้ยแปง เปนแมลงปากดูดมักเกาะกินตามใบออนหรืองามใบ ทําใหใบหงิกงอ ควรปองกันกําจัด
โดยใชสารเคมีกําจัดแตตองผสมสารเคลือบใบลงไป ดวยเพราะบนตัวเพลี้ยแปงจะมีขนปุยสีขาวปกคลุม ซึ่งมี
ลักษณะเปนมันจับนํ้าไดยาก
8. เพลี้ยหอย เปนแมลงปากดูด มักเกาะทําลายโดยดูดนํ้าเลี้ยงจากลําตน จะสังเกตเปนเปนจุดสีนํ้า
ตาลอยูบนกิ่งของกุหลาบ เพลี้ยหอยนี้มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวของมันจะมีเปลือกหุมหนาทําใหแมลงซึมเขาถึง
ตัวไดยาก ฉะนั้นวิธีกําจัดที่ไดผลดีก็คือ ใชนํ้ามันทาหรือฉีดพนเคลือบตัวมันไวทําใหเพลี้ยไมมีทางหายใจ และ
ตายในที่สุด แตเมื่อเพลี้ยตายแลวจะไมหลุดจากลําตนจะยังติดอยูที่เดิม
9. เพลี้ยออน เปนแมลงปากดูด ทําลายพืชตรงบริเวณสวนที่เปนยอดออนและใบออน ทําใหใบเหลือง
และรวงหลน ควรปองกันกําจัดโดยใชสารเคมีเชน ฟอสดริน เอนดริน และพาราไธออน เปนตน
10. แมงมุมแดง เปนแมงชนิดหนึ่งที่ไมใชแมลง ตัวมีขนาดเล็กมากเห็นเพียงจุดสีแดงอยูตามใตใบ
โดยจะเกาะและดูดนํ้าเลี้ยงจากใบที่ถูกทําลายนั้น ปรากฏเปนจุดสีเหลืองซึ่งมองเห็นไดบนหลังใบ สําหรับสาร
เคมีที่ใชกําจัดไดผลคือ เคลเทน

การตัดดอกกุหลาบ

การตัดดอกกุหลาบ
การตัดดอกกุหลาบเพื่อจําหนายนั้น ควรใหมีกิ่งเหลืออยูอยางนอย 2 กิ่ง เสมอ (กิ่งที่มีใบยอยครบ 5
ใบ) ไมควรตัดชิดโคนกิ่ง และเมื่อตัดดอกออกจาก ตนแลวใหรีบแชกาน
ดอกในนํ้าทันทีเพื่อปองกันการสูญเสียนํ้าจากกิ่ง โดยทั่วไป เกษตรกร
นิยมตัดดอกในตอนบายและเย็น หรืออาจตัดในตอนเชาก็ได (เพื่อจะ
ไดสงตลาดทันเวลา) แตเนื่องจากดอกกุหลาบมีอายุการใชงานสั้นและ
กลีบดอกก็ชํ้าไดงาย ฉะนั้น การตัดดอกกุหลาบในชวงที่ยังไมเหมาะสม
จะทําใหเกิดปญหาได เชน ถาตัดดอกตูมเกินไป ดอกก็จะไมบานและ
คอดอกจะโคงงองาย แตถาตัดดอกที่บานเกินไป ดอกกุหลาบจะบาน
เร็ว และมีอายุการปกแจกันสั้น
การตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไว
กับตนยาว
การตัดแตงแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนสั้น
จุมโคนกิ่งที่ตัดชําในฮอรโมนเรงราก

การตัดแต่งกิ่ง

การตัดแตงกิ่ง การตัดแตงกิ่ง เปนสิ่งจําเปนสําหรับการปลูกกุหลาบ ถาผูปลูกกุหลาบไมมีการตัดแตงกิ่งเลยก็จะทํา ใหตนกุหลาบเจริการตัดแตงกิ่ง การตัดแตงกิ่ง เปนสิ่งจําเปนสําหรับการปลูกกุหลาบ ถาผูปลูกกุหลาบไมมีการตัดแตงกิ่งเลยก็จะทํา ใหตนกุหลาบเจริญเติบโตอยางอิสระ แตกกิ่งกานมาก เกินไป ทําใหดอกมีขนาดเล็ก ไมเปนที่ตองการของ ตลาด ดังนั้น เกษตรกรจึงควรมีการตัดแตงกิ่งเพื่อใหตนไดรูปทรง พุมตนและโคนตนโปรงไดรับแสงแดด มากขึ้น ดอกที่ไดจะมีขนาดใหญและมีคุณภาพดีนอกจากนี้การตัดแตงกิ่งยังชวยกําจัดโรคและแมลงที่แอบแฝง อยูในพุมตนไดดีอีกดวย รวมทั้งสามารถแตงดินในแปลงปลูกไดสะดวก ทําใหกุหลาบที่ไดมีการตัดแตงกิ่งแลว เจริญเติบโตดีขึ้น8 การตัดแตงกิ่งกุหลาบสามารถทําได 2 แบบ คือ 1การตัดแตงกิ่ง การตัดแตงกิ่ง เปนสิ่งจําเปนสําหรับการปลูกกุหลาบ ถาผูปลูกกุหลาบไมมีการตัดแตงกิ่งเลยก็จะทํา ใหตนกุหลาบเจริญเติบโตอยางอิสระ แตกกิ่งกานมาก เกินไป ทําใหดอกมีขนาดเล็ก ไมเปนที่ตองการของ ตลาด ดังนั้น เกษตรกรจึงควรมีการตัดแตงกิ่งเพื่อใหตนไดรูปทรง พุมตนและโคนตนโปรงไดรับแสงแดด มากขึ้น ดอกที่ไดจะมีขนาดใหญและมีคุณภาพดีนอกจากนี้การตัดแตงกิ่งยังชวยกําจัดโรคและแมลงที่แอบแฝง อยูในพุมตนไดดีอีกดวย รวมทั้งสามารถแตงดินในแปลงปลูกไดสะดวก ทําใหกุหลาบที่ไดมีการตัดแตงกิ่งแลว เจริญเติบโตดีขึ้น8 การตัดแตงกิ่งกุหลาบสามารถทําได 2 แบบ คือ 1. การตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาว คือ ตัดแตงกิ่ง ออกเพียงเล็กนอย โดยใหเหลือกิ่งที่มีใบสมบูรณไวมาก เพื่อใหมีอาหาร เลี้ยงตนมาก การตัดแตงกิ่งมีหลักในการพิจารณาเลือกกิ่งที่จะตองตัดออก คือ กิ่งที่แหงตาย กิ่งที่เปนโรค หรือถูกแมลงทําลายกิ่งไขวที่เจริญเขาหา ทรงพุมกิ่งที่ลมเอนไมเปนระเบียบ ควรจะตองใหตาที่อยูบนสุดของกิ่งหัน ออกนอกพุมตน เพื่อใหกิ่งที่แตกใหมหันออกนอกทรงพุมดวยและตัดกิ่งให เฉียง 45 องศา สําหรับการตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาวนี้ ใชได กับกุหลาบที่ปลูกจากกิ่งตัดชําและกิ่งตอน 2. การตัดแตงกิ่งแบบใหเลือกกิ่งไวกับตนสั้น คือ ตัดแตงกิ่งจน เหลือกิ่งบนตนสูงจากพื้นดินประมาณ 30-45 เซนติเมตร แลวเหลือกิ่งไว 3-4 กิ่งเทานั้นการตัดแตงกิ่งแบบนี้จะตัดแตงไดเฉพาะตนกุหลาบที่ปลูก จากตนติด ตาเพียงอยางเดียวเทานั้น ถาตนติดตานั้นมีอายุนอยกวา 2 ป ใหตัดแตงกิ่งแบบแรกแตตองตัดเพิ่มเติมอีก คือ กิ่งแกที่ไมตองการและกิ่งชัก เกอร (กิ่งของตนตอซึ่งเปนกุหลาบพันธุปา) สําหรับระยะเวลาที่เหมาะสม ตอการตัดแตงกิ่ง คือ ตนฤดูฝน เมื่อตัดแตงกิ่งใหนอยลงตามความตองการ แลวควรใชปูนแดงผสมกับยากันรา หรือใชสีนํ้ามันทาบนรอยแผลที่ตัดเพื่อ ปองกันการเนาลุกลามของเชื้อราจากรอบแผลที่ตัด นอกจากนี้ ควรเก็บกิ่ง และใบที่ตัดออก ทําความสะอาดแปลงใหเรียบรอยดวยแลวจึงแตงดินในแปลงปลูก คือ ไถพรวนหนาดิน ใสปุย คอก ปุยเคมีรวมทั้งใชวัสดุคลุมแปลงปลูกพรอมทั้งรดนํ้าใหชุมดวย จะทําใหกุหลาบแตกตาไดเร็วและไดตนที่ สมบูรณ. การตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาว คือ ตัดแตงกิ่ง ออกเพียงเล็กนอย โดยใหเหลือกิ่งที่มีใบสมบูรณไวมาก เพื่อใหมีอาหาร เลี้ยงตนมาก การตัดแตงกิ่งมีหลักในการพิจารณาเลือกกิ่งที่จะตองตัดออก คือ กิ่งที่แหงตาย กิ่งที่เปนโรค หรือถูกแมลงทําลายกิ่งไขวที่เจริญเขาหา ทรงพุมกิ่งที่ลมเอนไมเปนระเบียบ ควรจะตองใหตาที่อยูบนสุดของกิ่งหัน ออกนอกพุมตน เพื่อใหกิ่งที่แตกใหมหันออกนอกทรงพุมดวยและตัดกิ่งให เฉียง 45 องศา สําหรับการตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาวนี้ ใชได กับกุหลาบที่ปลูกจากกิ่งตัดชําและกิ่งตอน 2. การตัดแตงกิ่งแบบใหเลือกกิ่งไวกับตนสั้น คือ ตัดแตงกิ่งจน เหลือกิ่งบนตนสูงจากพื้นดินประมาณ 30-45 เซนติเมตร แลวเหลือกิ่งไว 3-4 กิ่งเทานั้นการตัดแตงกิ่งแบบนี้จะตัดแตงไดเฉพาะตนกุหลาบที่ปลูก จากตนติด ตาเพียงอยางเดียวเทานั้น ถาตนติดตานั้นมีอายุนอยกวา 2 ป ใหตัดแตงกิ่งแบบแรกแตตองตัดเพิ่มเติมอีก คือ กิ่งแกที่ไมตองการและกิ่งชัก เกอร (กิ่งของตนตอซึ่งเปนกุหลาบพันธุปา) สําหรับระยะเวลาที่เหมาะสม ตอการตัดแตงกิ่ง คือ ตนฤดูฝน เมื่อตัดแตงกิ่งใหนอยลงตามความตองการ แลวควรใชปูนแดงผสมกับยากันรา หรือใชสีนํ้ามันทาบนรอยแผลที่ตัดเพื่อ ปองกันการเนาลุกลามของเชื้อราจากรอบแผลที่ตัด นอกจากนี้ ควรเก็บกิ่ง และใบที่ตัดออก ทําความสะอาดแปลงใหเรียบรอยดวยแลวจึงแตงดินในแปลงปลูก คือ ไถพรวนหนาดิน ใสปุย คอก ปุยเคมีรวมทั้งใชวัสดุคลุมแปลงปลูกพรอมทั้งรดนํ้าใหชุมดวย จะทําใหกุหลาบแตกตาไดเร็วและไดตนที่ สมบูรณญเติบโตอยางอิสระ แตกกิ่งกานมาก เกินไป ทําใหดอกมีขนาดเล็ก ไมเปนที่ตองการของ ตลาด ดังนั้น เกษตรกรจึงควรมีการตัดแตงกิ่งเพื่อใหตนไดรูปทรง พุมตนและโคนตนโปรงไดรับแสงแดด มากขึ้น ดอกที่ไดจะมีขนาดใหญและมีคุณภาพดีนอกจากนี้การตัดแตงกิ่งยังชวยกําจัดโรคและแมลงที่แอบแฝง อยูในพุมตนไดดีอีกดวย รวมทั้งสามารถแตงดินในแปลงปลูกไดสะดวก ทําใหกุหลาบที่ไดมีการตัดแตงกิ่งแลว เจริญเติบโตดีขึ้น8 การตัดแตงกิ่งกุหลาบสามารถทําได 2 แบบ คือ 1. การตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาว คือ ตัดแตงกิ่ง ออกเพียงเล็กนอย โดยใหเหลือกิ่งที่มีใบสมบูรณไวมาก เพื่อใหมีอาหาร เลี้ยงตนมาก การตัดแตงกิ่งมีหลักในการพิจารณาเลือกกิ่งที่จะตองตัดออก คือ กิ่งที่แหงตาย กิ่งที่เปนโรค หรือถูกแมลงทําลายกิ่งไขวที่เจริญเขาหา ทรงพุมกิ่งที่ลมเอนไมเปนระเบียบ ควรจะตองใหตาที่อยูบนสุดของกิ่งหัน ออกนอกพุมตน เพื่อใหกิ่งที่แตกใหมหันออกนอกทรงพุมดวยและตัดกิ่งให เฉียง 45 องศา สําหรับการตัดแตงกิ่งแบบใหเหลือกิ่งไวกับตนยาวนี้ ใชได กับกุหลาบที่ปลูกจากกิ่งตัดชําและกิ่งตอน 2. การตัดแตงกิ่งแบบใหเลือกกิ่งไวกับตนสั้น คือ ตัดแตงกิ่งจน เหลือกิ่งบนตนสูงจากพื้นดินประมาณ 30-45 เซนติเมตร แลวเหลือกิ่งไว 3-4 กิ่งเทานั้นการตัดแตงกิ่งแบบนี้จะตัดแตงไดเฉพาะตนกุหลาบที่ปลูก จากตนติด ตาเพียงอยางเดียวเทานั้น ถาตนติดตานั้นมีอายุนอยกวา 2 ป ใหตัดแตงกิ่งแบบแรกแตตองตัดเพิ่มเติมอีก คือ กิ่งแกที่ไมตองการและกิ่งชัก เกอร (กิ่งของตนตอซึ่งเปนกุหลาบพันธุปา) สําหรับระยะเวลาที่เหมาะสม ตอการตัดแตงกิ่ง คือ ตนฤดูฝน เมื่อตัดแตงกิ่งใหนอยลงตามความตองการ แลวควรใชปูนแดงผสมกับยากันรา หรือใชสีนํ้ามันทาบนรอยแผลที่ตัดเพื่อ ปองกันการเนาลุกลามของเชื้อราจากรอบแผลที่ตัด นอกจากนี้ ควรเก็บกิ่ง และใบที่ตัดออก ทําความสะอาดแปลงใหเรียบรอยดวยแลวจึงแตงดินในแปลงปลูก คือ ไถพรวนหนาดิน ใสปุย คอก ปุยเคมีรวมทั้งใชวัสดุคลุมแปลงปลูกพรอมทั้งรดนํ้าใหชุมดวย จะทําใหกุหลาบแตกตาไดเร็วและไดตนที่ สมบูรณ

การคลุกดินแปลงปลูก

การคลุกดินแปลงปลูก
เนื่องจากกุหลาบเปนพืชที่ตองการแสงแดดจัดอยางนอยวันละ 6 ชั่วโมง ดังนั้น สถานที่ปลูกกุหลาบ
จึงตองเปนที่โลงแจงและจะตองมีความชื้นสูงดวย การคลุมแปลงปลูกจึงเปนสิ่งจําเปนสาหรับการปลูกกุหลาบ
โดยใชวัสดุที่หาไดงายในทองถิ่นนั้นๆ เซน หญาแหง ฟาง เปลือกถั่วลิสง ซังขาวโพด ชานออย ขุยมะพาว
แกลบ และขี้เลื่อย เปนตน ควรจําไววาวัสดุที่จะนํามาคลุมแปลงปลูกนี้ ควรเปนวัสดุที่เกา คือ เริ่มสลายตัว
แลวมิฉะนั้นจะทําใหเกิดการขาดไนโตรเจนกับตนกุหลาบ ดังนั้น ถาไซวัสดุที่คลุมแปลงคอนขางใหมควรเติม
ปุยไนโตรเจนลงไปดวย การคลุมแปลงนี้นอกจากจะชวยรักษาความชื้นและอุณหภูมิ รวมทั้งเพิ่มความโปรง
ของดิน และเพิ่มอินทรียวัตถุใหกับดินในแปลงปลูกแลวยังชวยปองกันวัชพืชใหขึ้นชาอีกดวย

การปองกันกําจัดวัชพืชในแปลงปลูก

การปองกันกําจัดวัชพืชในแปลงปลูก
อาจจะใชแรงงานคนเก็บถอนหรือใชสารเคมีกําจัดวัชพืชซึ่งมีทั้งชนิดคุม กําเนิดและชนิดที่ถูกทําลาย
ตนตาย (อัตราการใชจะระบุอยูที่ฉลากของขวด) ขอควรระวังในการใชสารเคมีเพื่อกําจัดวัชพืชนี้คือ พยายาม
หลีกเลี่ยงที่จะฉีดพนสาร ใหถูกตนหรือใบกุหลาบและไมใชถังฉีดพนปะปนกับถังที่ใชพนสารเคมีปองกันกําจัด
โรคและแมลง

การใส่ปุ๋ย

การใสปุย
ในระยะแรกของการปลูกจะเปนระยะที่ตนกุหลาบเจริญเติบโตสรางใบ และกิ่ง ควรใสปุยเคมีที่มีสูตร
ตัวแรกคือไนโตรเจนสูง โดยใสทุก 15 หรือ 30 วัน อัตราการใส 1 กํามือตอตน กอนใสปุยควรมีการพรวน
ดินตื้นๆ อยาใหกระทบรากมากนัก แลวโรยปุยใหรอบๆ ตนหางจากโคนตน 4-6 นิ้ว แลวแตขนาดของทรง
พุม จากนั้นก็รดนํ้าตามใหซุม (แตอยารดนํ้าจนโชก) เมื่อกุหลาบเริ่มใหดอก ควรใชปุยเคมีที่มีฟอสฟอรัสและ
โปแตสเซี่ยมสูงควบคูกันไป เพื่อเรงการออกดอกและทําใหกานดอกแข็งแรง นอกจากนี้อาจจะใหปุยทางใบ
เพิ่มเติมก็จะเปนการดีขอควรระวังในการใสปุย หลังจากปลูกแลว คือ ควรโรยปุยใหกระจายรอบๆ ตน อยาง
สมํ่าเสมออยาใสเปนกระจุกๆ ที่จุดใดจุดหนึ่ง เพราะอาจทําใหเกิดความเสียหายตอตนกุหลาบไดเนื่องจากมี
ความเขมขนของปุยตรงจุดที่ใสมากเกินไป

การให้น้ำกุหลาบ

การใหนํ้ากุหลาบ
กุหลาบเปนพืชที่ตองการความชื้นสูง ปริมาณนํ้าที่รดลงไปในดินปลูกควร กะใหนํ้าซึมไดลึกประมาณ
16-18 นิ้วและอาจเวนระยะการรดนํ้าไดคือ ไมจําเปน ตองรดนํ้าทุกวัน (ทั้งนี้ขึ้นอยูกับสภาพดินปลูก) มีขอ
ควรจําอยางยิ่งในการรดนํ้า กุหลาบคือ อยารดนํ้าใหโดนใบเนื่องจากโรคบางโรคที่อยูตามใบหรือกิ่งจะแพร
ระบาด กระจายไปไดโดยงาย การใหนํ้าก็ไมควรใหนํ้ากระแทกดินปลูกแรงๆ เพราะเม็ดดิน จะกระเด็นขึ้นไป
จับใบกุหลาบ ทําใหเชื้อโรคบางชนิดที่อาศัยอยูในดินระบาดกลับ ขึ้นไปที่ตนโดยงายและถาจําเปนจะตองรด
นํ้าใหเปยกใบควรจะรดนํ้าในตอนเชา

การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ
การขยายพันธุกุหลาบที่นิยมใชมี 3 วิธีคือ
1. การตัดชํา
วิธีการตัดชําที่นิยมทําอยูทั่วไป คือ เลือกกิ่งกุหลาบที่ไมแกและไมออน จนเกินไปนํามาตัดเปนทอน
ประมาณ 12-15 เซนติเมตร หรือ 1 คืบ รอยตัดตอง อยูใตขอพอดีแลวตัดใบตรงโคนกิ่งออก จากนั้นเฉือน
โคนทิ้ง แลวจุมโคนกิ่งตัดชํานี้ ในฮอรโมนเรงราก เซน เซอราดิกส เบอร 2 (เพื่อชวยเรงใหออกรากเร็วขึ้น)
แลวผึ่งใหแหงนําไปปกชําในแปลงพนหมอกกลางแจง ถาไมมีแปลงพนหมอกก็ใชเครื่องพนนํ้ารดสนามหญาก็
ไดแลวใหนํ้าเปนระยะๆ ตามความจําเปนโดยมีหลักวาอยาใหใบกุหลาบแหง กิ่งกุหลาบจะออกรากใน
12-15 วัน แลวแตพันธุ การชํากิ่งนี้ นิยมทํากันมากในปจจุบันเพราะไดจํานวนตนมากในระยะเวลาสั้น เสีย
คาใชจายนอย แตกิ่งชํานี้เมื่อนําไปปลูกตนจะโทรมเร็วภายใน 3- 4 ปซึ่งกุหลาบพันธุสีเหลือง และสีขาวมัก
จะออกรากยาก
2. การตอน
กิ่งที่ใชตอนมักมาจากกิ่งที่มีสภาพแตกตางกันทั้งกิ่งออนและกิ่งแก คละกันไปทําใหการเจริญเติบโต
ของตนกุหลาบหลังลงแปลงปลูกในแปลงไมสมํ่าเสมอ ซึ่งการตอนนี้จะใชเวลาในการเกิดราก นานประมาณ
4-7 สัปดาหทั้งนี้แลวแตพันธุที่จะใชตอน
3. การติดตา
วิธีการทําตนกุหลาบติดตานี้คอนขางยุงยากและตองใชเวลาในการทํา นานกวา 2 วิธีแรก คือ ตั้งแต
ตัดกิ่งกุหลาบเปนทอนประมาณ 12-15 ซม. เฉือนโคนกิ่งทิง้ จุมโคนกิ่งตัดชําในฮอรโมนเรงราก6
เริ่มตัดชําตนตอปาจนถึงพันธุดีทีนําไปติดนั้นออก ดอกแรกจะใชเวลาประมาณ 5-6 เดือน โดยในขั้นแรกจะ
ตองตัดชําตนตอปา (ของกุหลาบปา) ใหออกราก และเลี้ยงตนตอปานั้นใหแตกยอดใหมยาวเกิน 1 ฟุตขึ้นไป
ซึ่งจะใชเวลาประมาณ 3 เดือน (หลังตัดชําและออกราก) จากนั้นจึงนําตาพันธุดีที่ตองการไปติดตาที่บริเวณ
โคนของตนตอปา การติดตานี้จะตองอาศัยฝมือและความชํานาญพอสมควร โดยจะใชวิการติดตาแบบใดก็ได
เชน แบบตัวทีเปนตน
วิธีติดตา
วิธีติดตากุหลาบที่ไดผลดีคือการติดตาแบบที่เรียกวารูปตัวทีหรือแบบโล มีวิธีทําดังนี้ คือ
1. เลือกบริเวณที่จะติดตา ซึ่งโดยทั่วไปแลวจะพยายามติดตาใหตํ่าที่สุดเทาที่จะทําไดคือ ประมาณไม
เกิน 3 นิ้ว นับจากผิวดินแลวใชกรรไกรหรือมีดตัดหนามตรงบริเวณที่จะติดตาออกโดยรอบกิ่ง
2. ใชปลายมีดกรีดที่เปลือกเปนรูปตัวทีแลวเผยอเปลือกตรงรอยกรีด ดานบนใหเปดออกเล็กนอย
3. เฉือนตาเปนรูปโล ใหไดแผนตํายาวประมาณ 1 นิ้ว และใหแผนตานั้น มีเนื้อไมติดมาดวยเพียง
บางๆ ไมตองแกะเนื้อไมติดมามาก ใหลอกเนื้อไมออกอยางระมัดระวังอยาใหแผนตาโคงงอหรือบอบชํ้า
4. นําแผนตาไปเสียบลงที่รอยกรีดของตนตออยางระมัดระวังอยาใหแผนตาชาํ้ โดยใชมือซายจับแผน
ตา (ตรงกานใบ) คอยๆ กดลงไปขณะเดียวกันมือขวา ก็คอยเปดเปลือกชวยแลวพันดวยพลาสติก เพื่อใหตา
เจริญเติบโตเร็วขึ้น ควรปลอยใหกิ่งใหมเจริญเติบโตจนกระทั่ง กิ่งใหมยาวพอสมควรแลว จึงตัดตนตอที่อยู
เหนือกิ่งใหมออกทั้งหมด สําหรับพลาสติกที่ติดตาอยูนั้นอาจจะปลอยใหผุ หรือหลุดไปเองก็ไดถาเห็นวาแผน
พลาสติกนั้นรัดตนเดิมแนนเกินไป หรือไปขัดขวางการเจริญเติบโตของกิ่งใหมก็ใหแกะออก สําหรับกิ่งที่แตก
ออกมาใหมนี้ ควรมีไมผูกพยุงกิ่งไวเสมอ เพราะอาจจะเกิดการฉีกขาดตรงรอยตอไดงาย เนื่องจากรอย
ประสานยังไมแข็งแรงนัก
ในกรณีที่การติดตานั้นไมไดผล คือ แผนตาที่นําไปติดตานั้นเปลี่ยนเปนสีนํ้าตาล หรือสีดําใหรีบแกะ
แผนพลาสติกและแผนตานั้นออกแลวติดตาใหมในดาน ตรงขามกับของเดิม หากไมไดผลอีกตองเลี้ยงดูตนตอ
นั้นจนกวารอยแผลจะเชื่อมกนดีแลวจึงนํามาติดตาใหมได
สําหรับการติดตาในกุหลาบแบบทรงตนสูง (Standard) นั้นก็ทําเชนเดียวกัน เพียงแตตําแหนงที่ติด
ตาอยูในระดับสูงกวาเทานั้นเอง การติดตาจะติดที่ตนตอหรือกิ่ง ขนาดใหญที่แตกออกมาก็ได